“ฉีดวัคซีนโควิด-19” ในเด็ก ทำไมมีระยะห่างต่างกัน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตอบคำถามประเด็น “วัคซีนโควิด-19” ว่าการ “ฉีดวัคซีนโควิด-19” ในเด็ก ทำไมมีระยะห่างต่างกัน สำคัญมาก ผู้ปกครองควรรู้

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตอบคำถามประเด็น “วัคซีนโควิด-19” ถึงระยะห่างของการ “ฉีดวัคซีนโควิด-19” ในเด็กว่า ทำไมระยะห่างการฉีดวัคซีนในเด็กถึงแตกต่างกัน

อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ปกติการ “ฉีดวัคซีนโควิด-19” ที่มีการฉีดกันหลายโดส เช่น 2-3 โดส ก็จะมีระยะห่างของการฉีดวัคซีน ซึ่งในเอกสารกำกับยาหรือการขึ้นทะเบียนมีการกำหนดเอาไว้ 3-12 สัปดาห์ ในตอนแรกที่เรากำหนด 3-14 สัปดาห์ ก็มีหลายเหตุผล

สำหรับการกำหนดว่าจะฉีดห่างแค่ไหนก็มีปัจจัยอยู่ 2-3 อย่าง ประกอบด้วย ประสิทธิในการสร้างภูมิคุ้มกัน ความปลอดภัย และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19

นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ถ้าเราฉีดห่างภูมิคุ้มกันจะขึ้นดีกว่า อย่างไรก็ตามเราก็ทราบกันอยู่แล้วว่า ในช่วงต้นปีมีการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ค่อนข้างมาก เราเลยต้องกำหนดระยะเวลาการฉีดวัคซีนให้ค่อนข้างใกล้กันคือ 3-4 สัปดาห์

ทว่าเมื่อเราทราบว่าการระบาดของโรคไม่ได้รุนแรงมากนัก เพราะฉะนั้นหลังจากที่มีการดูข้อมูลทั้งหมดและก็มีการปรึกษารวมทั้งคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ แห่งประเทศไทย ก็เลยกำหนดไว้อย่างนี้ คือ

1.ถ้าการฉีดโดยที่โรงเรียนเป็นศูนย์กลางที่เรียกว่า school based เราจะกำหนดไว้ที่ 8 สัปดาห์ เนื่องจากสร้างภูมิได้ค่อนข้างดี และผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย ประกอบกับสถานการณ์การระบาดที่ไม่รุนแรง

พอเราฉีดในโรงเรียน ซึ่งส่วนใหญ่จะฉีดเป็นกลุ่ม เพราะฉะนั้นต้องกำหนดเวลาฉีดค่อนข้างแน่ชัดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

2.ฉีดในเด็กป่วยหรือเด็กที่มีโรคประจำตัว เราจะใช้โรงพยาบาลเป็นศูนย์ฯฉีด และมีกุมารแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยหรือเด็กคนนั้นๆ ซึ่งจะรู้ข้อมูลคนนั้นๆว่า เด็กคนนี้จำเป็นต้องฉีดวัคซีนเร็วหรือช้าอย่างไร เพราะฉะนั้น เราก็จะกำหนดช่วงไว้ที่ 3-12 สัปดาห์ เพื่อให้กุมารแพทย์ได้สามารถใช้ดุลยพินิจประวัติคนไข้ในการตัดสินใจ

อันนี้เป็นที่มาว่า ทำไมระบุที่โรงเเรียนไว้ 8 สัปดาห์ และระบุไว้ที่โรงพยาบาล 3-12 สัปดาห์ เพื่อให้กุมารแพทย์และผู้ปกครองได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจและกำหนดระยะเวลาการฉีดที่เหมาะสม

สำหรับไทม์ไลน์ที่ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เตรียมพร้อมการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในเด็กอายุ 5-12 ปี ดังนี้

วันที่ 17-24 ม.ค.2565 สถานศึกษาเริ่มจัดประชุมสื่อสารข้อมูลสร้างความเข้าใจร่วมกับผู้ปกครอง เพื่ออนุญาต/ยินยอมให้นักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ จัดทำรายชื่อและจำนวนนักเรียนให้แล้วเสร็จ
วันที่ 21-25 ม.ค.2565 จัดประชุมหารือเพื่อรับการแจ้งความประสงค์จากผู้ปกครอง ให้นักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีน
วันที่ 25-26 ม.ค. 2565 นำส่งรายชื่อและจำนวนนักเรียนที่ประสงค์จะฉีดวัคซีนให้แก่ ผอ.สพป.หรือ ศรจ. และนำส่งบัญชีรายชื่อครูและบุคลากรที่ต้องการฉีดวัคซีนเพิ่ม
วันที่ 27-28 ม.ค.2565 ศรจ.ประชุมร่วม ผอ.สพป.และหน่วยงานการศึกษาอื่นในจังหวัด สอบทานสรุปข้อมูลนักเรียนอายุ 5 – ไม่เกิน 12 ปี ที่ประสงค์จะฉีดวัคซีน แล้วนำรายชื่อส่งต่อสาธารณสุขจังหวัด
วันที่ 29 ม.ค.2565 สรจ.ประชุมวางแผนการรับวัคซีนและกำหนดการกระจายจุดฉีดวัคซีนรายวัน แต่ละพื้นที่ (School based) และวิธีการบันทึกข้อมูล
วันที่ 30-31 ม.ค.2565 สรจ.จัดประชุมร่วม ศรจ.ผอ.สพป. และ ผอ.สถานศึกษาในจังหวัด แจ้งแผนกำหนดการฉีดวัคซีนให้นักเรียน (สถานที่และจำนวนรายวัน) และกำหนดการฉีด วัคซีนแก่ครู และบุคลากรส่วนที่เหลือ
วันที่ 1 ก.พ.2565 เริ่มการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้นักเรียนอายุ 5-ไม่เกิน 12 ปี
วันที่ 26 ก.พ.2565 เริ่มการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้นักเรียนอายุ 5-ไม่เกิน 12 ปี

คำแนะนำฉีดวัคซีนในเด็ก

หากเด็กได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ของ Pfizer-BioNTech สูตรสำหรับเด็กอายุ 5-<12 ปี (ขนาด 10 ไมโครกรัม) และมีอายุครบ 12 ปีหลังได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 1แนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ด้วยวัคนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ของ Pfizer-BioNTech สูตรสำหรับผู้ใหญ่และวัยรุ่นอายุ 212 ปี (ขนาด 30 ไมโครกรัม) อย่างไรก็ตาม หากได้รับเข็มที่2 ขนาด 10 ไมโครกรัม ถือว่าผู้นั้นได้รับวัคซีนครบถ้วน ไม่ต้องฉีดซ้ำ

สำหรับเด็กที่เคยมีการติดโรคโควิด-19 มาแล้ว แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพียงหนึ่งเข็ม โดยเว้นระยะเวลาอย่างน้อยสามเดือนเมื่อหายดีจากโรคโควิด-19

ส่วนผู้ป่วยเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไปที่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ไม่ว่าจะเป็น ซิโนแวค หรือ ซิโนฟาร์ม ครบแล้ว 2 เข็ม แนะนำให้ฉีดวัคนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ที่ได้รับการรับรองตามช่วงอายุอีก 1 เข็ม โดยเว้นระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์ภายหลังการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม

ที่มาข้อมูล : www.bangkokbiznews.com
หากสนใจเรื่องราวอื่น ๆ สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่ hamptoninnjohnsoncity.com